Main Menu

Recent posts

#11
จะเอาๆๆ  :D
#12

Kawasaki Z1000R ถือว่าเป็น Supernaked
อีกรุ่นของคาวาซากิที่ร้อนเเรงไม่ใช่เล่น โดยมันมาพร้อมไฟเลี้ยวสไตล์โฉบเฉี่ยวเพิ่มความเร้าใจให้แก่การขับขี่ กันชนโฉมใหม่มาในดีไซน์สปอร์ต คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของรถตระกูล "Z" ไว้อย่างครบถ้วน ทำให้ใครที่ได้พบเห็นเป็นต้องเหลียวมองเเละอยากจะเป็นเจ้าของมันอย่างเเน่นอน

โดยที่ Kawasaki Z1000R นั้นมีขนาดมิติตัวรถที่ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดี ด้วยความกว้างอยู่ที่ 790 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,045 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,055 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,435 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 125 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 815 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 17 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 221 กิโลกรัม เรียกว่าจัดหนักจัดเต็มสำหรับโมเดลนี้

ทางด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ของ Kawasaki Z1000R นั้นก็ไม่น้อยหน้ารุ่นอื่นๆ ของคาวาซากิ โดยมันมาพร้อมกับขนาดเครื่องยนต์ 1,043 ซีซี เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke In-Line Four มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 16 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 77.0 x 65.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 11.8 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นเเบบ  Wet multi-disc โดยมีระบบส่งกำลัง 6-speed, return โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø38 mm x 4 with oval sub-throttles โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบ Electric ถือว่าเป็นรถขนาดใหญ่ที่มีสมรรถนะสูงอีกรุ่นของคาวาซากิ

Kawasaki Z1000R นั้นมาพร้อมกับเฟรมที่เป็นเเบบโครงตาข่ายที่ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดี ร่วมกับระบบกันสะเทือน ที่ด้านหน้าจะเป็นระบบกันสะเทือนเเบบ ø41 mm inverted fork with compression and rebound damping and spring preload adjustability  ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบ Horizontal Back-link, Öhlins S46DR1S gas-charged shock with rebound damping and spring preload adjustability  ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นเเบบ Dual semi-floating ø310 mm Brembo discs, Caliper: Dual radial-mount, Brembo M50 monobloc, opposed 4-piston ส่วนระบบเบรกด้านหลังจะเป็นเเบบ Single ø250 mm disc, Caliper: Single-piston โดยที่ยางหน้ามีขนาด 120/70ZR17 M/C (58W) ส่วนยางหลังมีขนาด 190/50ZR17 M/C (73W) หน้าจอเเสดงผลเป็นรูปเเบบใหม่ที่ขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ all-digital TFT colour โคมไฟหน้ามีความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวสวยงามย รวมไปถึงไฟเลี้ยวทั้งสองข้างและไฟท้าย โดยตัวบอดี้มี 2 สีให้เลือกทั้งสีเขียว CANDY LIME GREEN / METALLIC SPARK BLACK (2022) เเละสี METALLIC SPARK BLACK / PEARL STORM GRAY / EMERALD BLAZING GREEN (2020)

โดยราคาขายของ Kawasaki Z1000R นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 693,000 บาทในรุ่นที่เป็นสีเขียว CANDY LIME GREEN / METALLIC SPARK BLACK (2022) ส่วนรุ่นที่เป็นสี  METALLIC SPARK BLACK / PEARL STORM GRAY / EMERALD BLAZING GREEN (2020) จะมีราคาขายที่ 691,000 บาท

#13

Kawasaki Versys 1000 SE เป็นรถสปอร์ตที่ขี่สนุกในทุกเส้นทาง เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยเป็นอย่างดี ด้วยการพกพาความสะดวกสบายและการใช้งานเเบบอเนกประสงค์ที่สูงขึ้นกว่าเดิม จากการพัฒนาต่อเนื่อง ก็ทำให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่รถรุ่นนี้เป็นที่กล่าวถึงกันอย่างมากในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถทางไกล

Kawasaki Versys 1000 SE นั้นมีมิติตัวรถที่ใหญ่เเละน่าสนใจ โดยมันมีความกว้างอยู่ที่ 950 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,270 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,530 มิลลิเมตร สำหรับที่นั่งหลัง เเละ 1,490 มิลลิเมตร สำหรับที่นั่งคนขับ โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,520 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 150 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 820 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 21 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 257 กิโลกรัม นับว่าเป็นรถที่มีขนาดใหญ่เลยทีเดียว

Kawasaki Versys 1000 SE มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์สองสูบเรียงทรงพลังตอบสนองได้เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ โดยเครื่องยนต์มีขนาด 1,043 ซีซี เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke, In-Line Four มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 16 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 77.0 x 56.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 10.3 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา โดยมีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6-speed, return  โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø38 mm x 4  โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า นับว่าเป็นอีกรุ่นที่มีสมรรถนะเครื่องยนต์สูงมาก

Kawasaki Versys 1000 SE นั้นมีเฟรมที่ได้รับการออกเเบบมาใหม่ให้มีความเเข็งเเรงเเละมีน้ำหนักที่เบาลง ส่วนทางด้านระบบกันสะเทือนหน้าเป็นØ43 mm inverted fork with KECS-controlled compression and rebound damping, manual spring preload adjustability, and top-out springs ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Horizontal Back-link, BFRC lite gas-charged shock with piggyback reservoir, KECS-controlled compression and rebound damping and electronic spring preload adjustability  ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นเเบบ Dual semi-floating Ø310 mm petal discs. Caliper: Dual radial-mount, monobloc, opposed 4-piston ระบบเบรกด้านหลังจะเป็นเเบบ Single Ø250 mm petal disc. Caliper: Single-piston โดยที่ยางหน้ามีขนาด 120/70ZR17M/C (58W) ส่วนยางหลังมีขนาด 180/55ZR17M/C (73W) ส่วนเรือนไมล์นั้นเป็นระดับไฮคลาส รุ่นใหม่สุดไฮเทค พร้อมมาตรวัดรอบ อนาล็อคจับคู่กับจอ LCD ในรุ่นสแตนดาร์ด หรือจอสี TFT LCD เกรดสูงในรุ่น SE มีช่องจ่ายไฟเพิ่มความสะดวกในการใช้งานติดตั้งมาให้บริเวณหลังชิลหน้าเพื่อความสะดวกและง่ายต่อการเข้าถึง มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Electronic Cruise Control) จากคาวาซากิทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและรักษาระดับความเร็วของรถได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม พร้อมกันนี้ก็มีระบบ Traction control ทั้งสามโหมดถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมสภาวะการใช้งานกว้างมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสมรรถนะเมื่อต้องการขับขี่แบบสปอร์ตหรือเพิ่มความปลอดภัยในสภาพทางที่พื้นผิวลื่นให้ผู้ใช้สามารถขับขี่ได้มั่นใจ มี KAWASAKI QUICK SHIFTER โคมไฟหน้าขนาดใหญ่เเบบ LED พร้อมไฟท้ายที่สว่าง เเละระบบไฟซึ่งติดตั้งอยู่ด้านข้างทั้งสองฝั่งของแฟริ่งสามารถปรับลำดับการส่องสว่างให้เหมาะสมต่อการเข้าโค้งในเวลากลางคืน ชิลหน้าขนาดใหญ่สามารถปรับเปลี่ยนระดับได้ เเละเบาะนั่งสองที่นั่งกระชับสรีระร่างกาย สีตัวบอดี้มี 2 สีให้เลือกกัน ทั้งสี  METALLIC MOONDUST GREY / METALLIC SPARK BLACK (2021) เเละสี EMERALD BLAZED GREEN / PEARL STORM GRAY (2019)

ทางด้านของราคาขาย Kawasaki Versys 1000 SE ประกาศราคาขายที่เรท 749,000 บาท สำหรับตัวรถรุนที่มีสี METALLIC MOONDUST GREY / METALLIC SPARK BLACK (2021) เเละเรทราคาขาย 729,000 บาทสำหรับรถรุ่นที่มีสี EMERALD BLAZED GREEN / PEARL STORM GRAY (2019)
#14

Kawasaki KX250 อีกหนึ่งเอ็นดูโร่เเรงๆ ของคาวาซากิ ที่มีความน่าสนใจทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์เเละสมรรถนะของเครื่องยนต์ เรียกว่าหากได้สัมผัสเเล้วจะต้องติดใจกับความร้อนเเรงของรถรุ่นนี้อย่างเเน่นอน เพราะมันสามารถขับขี่ผ่านสภาพถนนแบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และมีชื่อเสียงในเรื่องความแรงจากสนามแข่งขันทางวิบากอีกด้วย

ขนาดตัวถังของ Kawasaki KX250 ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อมันมาพร้อมกับมิติตัวรถด้วยขนาดความกว้างอยู่ที่ 820 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,190 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,270 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,485 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 345 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะนั่งที่ 960 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 6.2 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 108 กิโลกรัม นับว่าเป็นรถขนาดเล็กเเต่มีความสมส่วนชวนให้ขับขี่อย่างยิ่ง

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Kawasaki KX250 ก็น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะมันมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 249 ซีซี ที่เป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke Single มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 4 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 78.0 x 52.2 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 14.1 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา มีระบบหล่อลื่นเป็นเเบบ Forced lubrication, semi-dry sump ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเเบบ 5 สปีด, ย้อนกลับ ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นเเบบ Chain มีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital DC-CDI ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็น Fuel injection (ø44 mm x 1) โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า ถือว่ามีสมรรถนะสูงอีกรุ่นเลย

Kawasaki KX250 นั้นมีเฟรมที่รับการออกเเบบมาใหม่ให้มีความเเข็งเเรงเเละน้ำหนักเบา โดยมีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ ø48 mm inverted telescopic fork with adjustable compression and rebound damping ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ New Uni Trak with adjustable dual-range (high/low-speed) compression damping, adjustable rebound damping and adjustable preload มาถึงระบบเบรคด้านหน้าจะเป็นเเบบ Single semi-floating ø270 mm petal disc คาลิปเปอร์ Dual-piston ส่วนของระบบเบรคด้านหลังจะเป็นเเบบ Single ø240 mm petal disc คาลิปเปอร์  Single-piston ทางด้านของขนาดยางหน้าอยู่ที่ 80/100-21 51M เเละขนาดยางหลังอยู่ที่ 110/90-19 62M หน้าจอเเสดงผลขนาดเล็กเเบบดิจิตอล บังโคลนหน้าใหม่ พร้อมแฮนด์รุ่นใหม่ที่กระชับมือขณะขับขี่ เเละมี WIDE-STYLE FOOTPEGS เสริมเข้ามาอย่างน่าสนใจ โดยสีของตัวถังมีเพียงสีเดียวคือสีเขียว LIME GREEN (2023) ที่เป็นเอกลักษณ์ของคาวาซากิ

ส่วนทางด้านของราคาขายนั้น Kawasaki KX250 เคาะราคาขายออกมาในประเทศไทยที่เรท 372,800 บาท นับว่าเป็นเรทราคาที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับเอ็นดูโร่เเรงๆ เเบบนี้
#15

สำหรับรถจักรยานยนต์ตระกูล Streetfighter ของดูคาติถือว่ามีสมรรถนะเเรงสะใจอย่างยิ่งอีกรุ่นหนึ่ง โดย Ducati Streetfighter V4 ก็นับว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสัมผัส

Ducati Streetfighter V4 มีโครงสร้างตัวรถที่อีกรุ่น โดยตัวรถมีขนาดน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 180 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 201 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 845 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,488 มิลลิเมตร ส่วนมุม Rake อยู่ที่ 24.5 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 100 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 16 ลิตร เบาะนั่งเป็นเเบบดับเบิ้ลซีท

Ducati Streetfighter V4 นั้นมีสมรรถนะที่ดุดัน โดยมันพกพาเครื่องยนต์เเบบ Desmosedici Stradale 90° V4, rearward-rotating crankshaft, 4 Desmodromically actuated valves per cylinder, liquid cooled มีขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1,103 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 81 x 53.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 14.0 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 208 เเรงม้าที่ 12,750 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 123 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system. Twin injectors per cylinder. Full ride-by-wire elliptical throttle bodies  ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ 4-2-1-2 system, with 2 catalytic converters and 2 lambda probe มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed with Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO 2 ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears, Ratio 1.80:1 มีอัตราที่ 1=38/14 2=36/17 3=33/19 4=32/21 5=30/22 6=30/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain; Front sprocket 15; Rear sprocket 42 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch ถือว่าเป็นรถที่มีสมรรถนะสูงอีกรุ่น

ส่วนเฟรมของ Ducati Streetfighter V4 นั้นได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดีในเเบบ Aluminum alloy "Front Frame" ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็น Fully adjustable Showa BPF fork. 43 mm chromed inner tubesในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Fully adjustable Sachs unit. Aluminum single-sided swingarm  ในส่วนของระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเเบบ 2 x 330 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo Monobloc Stylema® (M4.30) 4-piston callipers with Bosch Cornering ABS EVO ส่วนเบรกหลังจะเป็น245 mm disc, 2-piston calliper with Bosch Cornering ABS EVO ส่วนล้อหน้าจะเป็น 5-spokes light alloy 3.50" x 17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ 5-spokes light alloy 6.00" x 17" โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso Corsa 2 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso Corsa 2 200/60 ZR17 โคมไฟหน้าได้รับการออกเเบบใหม่เเละเป็นเเบบ minimalist full-LED headlight พร้อมกับมี LED Daytime ไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียคู่ดูดุดันอย่างมาก หน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีมาให้เลือกเเค่สีเดียว คือสีเเดง Ducati Red ที่คงความเป็นดูคาติอย่างดี

ราคาขายของ Ducati Streetfighter V4 นั้น เคาะออกมาที่ 949,000 บาท ถือว่าเป็นรถอีกรุ่นที่น่าสัมผัส
#16

สปอร์ตไบค์อีกรุ่นพิเศษของดูคาติที่ร้อนเเรงเกินห้ามใจ เเละเเรร์เป็นอย่างนิ่งคงหนีไม่พ้น Ducati Panigale V2 Bayliss 1st Championship 20th Anniversary ที่สวยงามด้วยดีไซนืเฉพาะรุ่นเเละสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยังคงความเเรงจากสนามเเข่งขัน

โครงสร้างตัวรถของ Ducati Panigale V2 Bayliss 1st Championship 20th Anniversary นั้นมีมิติที่น่าสนใจไม่เเพ้รุ่นอื่นๆ  โดยมันมีน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 174.5 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 197 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 835 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,438 มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 24 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 99 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 17 ลิตร เบาะนั่งโดยสารเป็นเเบบ Dual seat

Ducati Panigale V2 Bayliss 1st Championship 20th Anniversary พกพาสมรรถนะเครื่องยนต์จากสนามเเข่งขันด้วยเครื่องยนต์เเบบ Superquadro: L-twin cylinder, 4 valve per cylinder, Desmodromic, liquid cooled ที่มีขุมพลังขนาด 955 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 100 x 60.8 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 12.5 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 155 เเรงม้าที่ 10,750 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 104 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system. Twin injectors per cylinder. Full ride-by-wire elliptical throttle bodies ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ 2-1-2-1 system, with 2 catalytic converters and 2 lambda probes มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed with Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO 2 ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears; Ratio 1.77:1 มีอัตราที่ 1=37/15 2=30/16 3=27/18 4=25/20 5=24/22 6=23/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain, front sprocket z15, rear sprocket z43 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch เรียกว่าเเรงสะใจกันไปเลย

Ducati Panigale V2 Bayliss 1st Championship 20th Anniversary มาพร้อมกับเฟรมเเบบ Monocoque Aluminium ที่ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดี มีความเเข็งเเกร่งเเละทนทานสูง ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็น Öhlins NIX30 43mm with TiN treatment, fully adjustable usd fork ระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Fully adjustable Öhlins TTX36 monoshock. Aluminum single-sided swingarm ระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเเบบ 2 x 320 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo Monobloc M4.32 4-piston callipers with Bosch Cornering ABS EVO. Self bleeding master cylinder ส่วนเบรกหลังจะเป็นเเบบ 245 mm disc, 2-piston calliper with Cornering ABS EVO ส่วนล้อหน้าจะเป็น 5-spokes light alloy 3.50" x 17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ 5-spokes light alloy 5,50" x 17" โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso Corsa II 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso Corsa II 180/60 ZR17 ด้านหน้าเป็นเเบบ Panigale look มี air intakes 2 ตำเเหน่ง โคมไฟหน้าได้รับการออกเเบบใหม่เเละเป็นเเบบ full-LED headlight ทั้งสองดวง เเฟริ่งเป็นเเบบ Double Layer ส่วนไฟท้ายเเละไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียเดี่ยวดูดุดันพร้อมหน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีเป็นเฉดสีเเดง Ducati Red ที่มีกราฟฟิกพาดสีเขียวเเละขาว พร้อมหมายเลข 21 อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นนี้ ถือว่าสวยงามเเละน่าขับขี่

ส่วนราคาขายของ Ducati Panigale V2 Bayliss 1st Championship 20th Anniversary นั้นมีราคา 21,495 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเป็นเงินบาทก็ประมาณ 747,585 บาท
#17

Triumph Scrambler 1200 XE คือรถจักรยานยนต์รุ่นที่ดีที่สุด และเร้าใจที่สุดในทุกระดับ  ผู้นำวิวัฒนาการครั้งใหม่ในการลุยทางวิบากของไทรอัมพ์อีกรุ่นที่น่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง

Triumph Scrambler 1200 XE มีความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 905 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,250 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 870 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,570 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 26.9 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 129.2 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 16 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 207 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.9 ลิตร/100 กิโลเมตร

Triumph Scrambler 1200 XE มาพร้อมกับเครื่องยนต์ในเเบบระบายความร้อนด้วยของเหลว, 8 วาล์ว, SOHC, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา ที่มีขุมพลังขนาดใหญ่ 1,200 ซีซี กระบอกสูบขนาด 97.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 90 เเรงม้าที่ 7,400 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 110 นิวตันเมตรที่ 3,950 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงหลายจุดเป็นลำดับแบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนระบบท่อไอเสียเป็นเเบบท่อไอเสียคู่ยกสูงเข้า 2 ออก 2 ผิวปัดเงา พร้อมท่อเก็บเสียงคู่ ทางด้านของไฟนอลไดรฟ์จะเป็นเเบบระบบโซ่ X ring โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตซ์เปียกผ่อนแรงแบบหลายแผ่น ทางด้านระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

เฟรมของ Triumph Scrambler 1200 XE จะเป็นเฟรมเเบบ โครงเหล็กคู่ เสริมเปลอะลูมิเนียม ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบแขนคู่อะลูมิเนียม โดยที่ล้อหน้าเป็นเเบบวงล้ออะลูมิเนียมซี่ลวด 36 ก้านแบบไร้ยางใน ขนาด 21 x 2.15 นิ้ว ส่วนล้อหลังเป็นเเบบ วงล้ออะลูมิเนียมซี่ลวด 32 ก้านแบบไร้ยางใน ขนาด 17 x 4.25 นิ้ว ส่วนยางหน้ามีขนาด 90/90-21 ยางหลังมีขนาด 150/70 R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้คหัวกลับ Showa ขนาด 47 มิลลิเมตร ระยะยุบตัว 250 มิลลิเมตร ปรับตั้งได้สมบูรณ์  ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช้ค Ohlins คู่พร้อมกระบอกสำรองน้ำมัน ปรับตั้งได้สมบูรณ์ ระยะยุบตัวล้อหลัง 250 มิลลิเมตร โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบจานเบรกคู่ Brembo ขนาด 320 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกโมโนบลอค Brembo M50 สี่สูบแบบเรเดียล และระบบ ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบจานเบรกเดี่ยวขนาด 255 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบลอยตัว สองลูกสูบจาก Brembo และระบบ ABS โดยมีหน้าจอเเสดงผลการขับขี่เป็นเเบบแผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น TFT แสดงความเร็วและความเร็วรอบแบบดิจิตัล มาตรวัดระยะทาง บ่งบอกตำแหน่งเกียร์ เกจน้ำมันเชื้อเพลิง โคมไฟหน้าทรงกลมดวงใหญ่ 1 ดวง พร้อมไฟเลี้ยว เบาะนั่งยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ตัวบอดี้มีสีให้เลือกกัน 2 เฉดสี คือสีเทาคาดดำเเละสีฟ้าคาดดำ

สนราคาของ Triumph Scrambler 1200 XE นั้นเคาะออกมาอยู่ที่เรท 649,000 บาท เรียกว่าเร้าใจทั้งสมรรถนะเเละราคาเลยทีเดียว
#18

Triumph New Scrambler 1200 XE คือรถจักรยานยนต์ตัวท็อปที่มีขีดความสามารถเหนือชั้นทั้งบนถนน ในการใช้งานแบบ scrambling และบนทางวิบาก พร้อมการยศาสตร์การขับขี่ที่เน้นการควบคุมรถ การบังคับที่ยอดเยี่ยม และขีดความสามารถอันน่าทึ่ง นี่คือสุดยอดแห่งเสรีภาพด้านการขับขี่รถจักรยานยนต์อีกรุ่นของไทรอัมพ์

มิติตัวรถ Triumph New Scrambler 1200 XE ก็นับว่าลงตัวด้วยการมีความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 905 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,250 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 870 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,570 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 26.9 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 129.2 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 16 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 207 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.9 ลิตร/100 กิโลเมตร

Triumph New Scrambler 1200 XE มาพร้อมกับเครื่องยนต์ในเเบบระบายความร้อนด้วยของเหลว, 8 วาล์ว, SOHC, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา ที่มีขุมพลังขนาดใหญ่ 1,200 ซีซี กระบอกสูบขนาด 97.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 90 เเรงม้าที่ 7,400 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 110 นิวตันเมตรที่ 3,950 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงหลายจุดเป็นลำดับแบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนระบบท่อไอเสียเป็นเเบบท่อไอเสียคู่ยกสูงเข้า 2 ออก 2 ผิวปัดเงา พร้อมท่อเก็บเสียงคู่ ทางด้านของไฟนอลไดรฟ์จะเป็นเเบบระบบโซ่ X ring โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตซ์เปียกผ่อนแรงแบบหลายแผ่น ทางด้านระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

เฟรมของ Triumph New Scrambler 1200 XE
จะเป็นเฟรมเเบบ โครงเหล็กคู่ เสริมเปลอะลูมิเนียม ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบแขนคู่อะลูมิเนียม โดยที่ล้อหน้าเป็นเเบบวงล้ออะลูมิเนียมซี่ลวด 36 ก้านแบบไร้ยางใน ขนาด 21 x 2.15 นิ้ว ส่วนล้อหลังเป็นเเบบ วงล้ออะลูมิเนียมซี่ลวด 32 ก้านแบบไร้ยางใน ขนาด 17 x 4.25 นิ้ว ส่วนยางหน้ามีขนาด 90/90-21 ยางหลังมีขนาด 150/70 R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้คหัวกลับ Showa ขนาด 47 มิลลิเมตร ระยะยุบตัว 250 มิลลิเมตร ปรับตั้งได้สมบูรณ์  ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช้ค Ohlins คู่พร้อมกระบอกสำรองน้ำมัน ปรับตั้งได้สมบูรณ์ ระยะยุบตัวล้อหลัง 250 มิลลิเมตร โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบจานเบรกคู่ Brembo ขนาด 320 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกโมโนบลอค Brembo M50 สี่สูบแบบเรเดียล และระบบ ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบจานเบรกเดี่ยวขนาด 255 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบลอยตัว สองลูกสูบจาก Brembo และระบบ ABS โดยมีหน้าจอเเสดงผลการขับขี่เป็นเเบบแผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น TFT แสดงความเร็วและความเร็วรอบแบบดิจิตัล มาตรวัดระยะทาง บ่งบอกตำแหน่งเกียร์ เกจน้ำมันเชื้อเพลิง โคมไฟหน้าทรงกลมดวงใหญ่ 1 ดวง พร้อมไฟเลี้ยว เบาะนั่งยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ตัวบอดี้มีสีให้เลือกกัน 3 เฉดสีคือสีดำ, สีเทาคาดดำเเละสีฟ้าคาดดำ

สนราคาของ Triumph New Scrambler 1200 XE นั้นเคาะออกมาอยู่ที่เรท 672,000 บาท เรียกว่าเร้าใจทั้งสมรรถนะเเละราคาเลยทีเดียว

#19

Triumph New Bonneville Bobber Gold Line Limited Edition เป็นอีกหนึ่งในรถจักรยานยนต์คลาสสิคโมเดิร์นของไทรอัมพ์ ที่งดงามและดุดัน สายพันธุ์แท้ที่สมบูรณ์แบบ ความมินิมอลและกำยำตามแบบฉบับ Bobber เสริมหล่อด้วยงานพื้นผิวทำมือสุดประณีต

Triumph New Bonneville Bobber Gold Line Limited Edition นั้นมีมิติตัวรถที่ได้รับการดีไซน์มาอย่างลงตัวโดยมีความกว้างของแฮนด์รถที่ 800 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,204-1,055 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 190-700 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,500 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.4 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 92.0 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 12 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 251 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.6 ลิตร/100 กิโลเมตร

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Triumph New Bonneville Bobber Gold Line Limited Edition นั้นก็ร้อนเเรงเเละเต็มพลังดัวยเครื่องยนต์เเบบระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,200 ซีซี กระบอกสูบขนาด 97.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 10.0:1 สามารถให้กำลังที่ 78 เเรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 106 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์หลายจุดตามลำดับ ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบระบบท่อไอเสียสเตนเลสสตีลขัดเงา 2 เป็น 2 สกินคู่พร้อมท่อเก็บเสียงสแตนเลสปัดเงา ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่ โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

เฟรมของ Triumph New Bonneville Bobber Gold Line Limited Edition ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดี โดยเป็นเเบบโครงท่อเหล็กพร้อมแท่นวางคู่ ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบการประดิษฐ์สองด้าน ส่วนล้อหน้าเป็นเเบบซี่เหล็ก 32 ซี่ 16 x 2.5 นิ้ว ส่วนล้อหลังจะเป็นเเบบซี่เหล็ก 32 ซี่ 16 x 3.5 นิ้ว ส่วนยางหน้ามีขนาด MT 90 B16 ยางหลังมีขนาด 150/80 R16 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบส้อม 47 มิลลิเมตร พร้อมตลับ Showa ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ RSU โมโนช็อกพร้อมการเชื่อมต่อ ส่วนเบรกหน้าจะเป็นเเบบ ดิสก์คู่Ø310 มิลลิเมตร, คาลิปเปอร์แกนเลื่อน Brembo 2 ลูกสูบ, ABS ส่วนทางด้านเบรกหลังเป็นเเบบดิสก์เดี่ยวØ255 มิลลิเมตร, คาลิปเปอร์แกนเลื่อนลูกสูบเดี่ยว Nissin, ABS โดยที่แผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น LCD พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก ไฟหน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 1 ดวง เบาะนั่ง 1 ที่นั่ง ส่วนตัวบอดี้นั้นเป็นสีเดง ตัดด้วยลายเส้นสีทอง สวยงามเป็นอย่างยิ่งอีกรุ่น

ราคาขายของ Triumph New Bonneville Bobber Gold Line Limited Edition เคาะออกมาที่เรทราคา 635,000 บาทโดยจะวางจำหน่ายเพียงหนึ่งปีเท่านั้น
#20

Harley-Davidson HERITAGE CLASSIC ปี 2023 คืออีกหนึ่งรถครุยเซอร์สัญชาติอเมริกันที่ขาดไม่ได้เลย เพราะสมรรถนะที่สูงเเละความคลาสสิคตามเเบบฉบับของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่เป็นภาพจดจำมาตลอด

Harley-Davidson HERITAGE CLASSIC ปี 2023 มาพร้อมกับมิติตัวรถที่น่าสนใจด้วยความยาวที่ 2,415 มิลลิเมตร ส่วนทางด้านของระดับความสูงเบาะ ขณะไม่ได้บรรทุก อยู่ที่ 680 มิลลิเมตร ระยะใต้ท้องรถอยู่ที่ 120 มิลลิเมตร ส่วนระยะเยื้องของตะเกียบหน้าอยู่ที่ 30 ในขณะที่ส่วนท้ายมีขนาด 140 มิลลิเมตร ฐานล้อมีระยะ 1,630 มิลลิเมตร ยางล้อหน้าเป็นเเบบ 130/90B16,73H,BW ส่วนยางล้อหลังเป็นเเบบ 150/80B16,77H,BW โดยที่ยางจะแบบไบแอสแก้มดำ Dunlop Harley-Davidson Series โดยมีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 18.9 ลิตร ส่วนความจุน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองอยู่ที่ 4.7 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักขณะขนส่งอยู่ที่ 316 กิโลกรัมเเละมีน้ำหนักพร้อมขับขี่อยู่ที่ 330 กิโลกรัม
Harley-Davidson HERITAGE CLASSIC ปี 2023 มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ร้อนเเรง โดยมันเป็นเครื่องยนต์รุ่น Milwaukee-Eight 114 V-TWIN ที่มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,868 ซีซี มีความกว้างของกระบอกสูบ 102 มิลลิเมตร มีจังหวะขึ้นลงของลูกสูบที่ 114.3 มิลลิเมตร โดยมีอัตราส่วนการอัดที่ 10.5:1 มีระบบเชื้อเพลิงเป็นระบบช่องฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์แบบต่อเนื่อง (ESPFI) เเละมีท่อไอเสียเป็นเเบบ ท่อตัวเร่งปฏิกิริยา ทรงคู่สั้นแบบ 2-into-2 โดยแรงบิดเครื่องยนต์อยู่ที่ 158 Nm มีแรงบิดเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) อยู่ที่ 3250 ให้กำลังเเรงม้าที่ 94 HP / 70 kW @ 5020 rpm ส่วนมุมเลี้ยวขวาอยู่ที่ 27.3 องศา ส่วนมุมเลี้ยวซ้ายอยู่ที่ 28.5 องศา ส่วนวิธีทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเเบบ EU 134/2014 ทำให้มีการประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ที่ 5.5 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยระบบขับเคลื่อนหลักเป็นเกียร์ 6 สปีด มีอัตราทดของโซ่ 34/46

Harley-Davidson HERITAGE CLASSIC ปี 2023
มีเฟรมที่ได้รับการออกเเบบใหม่ตามสไตล์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสันให้มีความเเข็งเเกร่งสูง โดยทางด้านแชสซีจะมี โช้คหน้าเป็นเเบบโช้คเทเลสโคปิคที่มีวาล์วแบบ Dual Bending ขนาด 49 มม. พร้อมแคลมป์รัดโช้คแบบอลูมิเนียมสามอัน; สปริงแบบสองค่าในตัว ขณะที่โช้คหลังเป็นเเบบ โช้คเทเลสโคปิคที่มีวาล์วแบบ Dual Bending ขนาด 49 มิลลิเมตร พร้อมแผงคอโช้คอลูมิเนียมแบบ Triple clamp; สปริงแบบสองค่าในตัว; ฝาปิด "กระป๋องเบียร์" ล้อหน้าเเละล้อหลังจะมีสไตล์ซี่ล้อเหล็กสีดำหรือสีโครเมียม เเบบล้ออะลูมิเนียม 9 ซี่สี Gloss black ส่วนจานเบรกเป็นเเบบจานเบรกตันแบบขยายตัวสม่ำเสมอ มีคาลิเปอร์เบรก เเบบ 4 ลูกสูบหน้ายึดกับที่และ 2 ลูกสูบหลังปล่อยลอย ส่วนโคมไฟหน้าทรงกลมใหญ่คลาสสิคสวยงามเสริมด้วยบังโคลนเต็มรูปแบบและชิลด์บังลมแบบถอดได้ ไฟหน้าจะเป็นแบบ LED ทั้งหมดที่ประกอบด้วยไฟต่ำ ไฟสูง และตำแหน่งไฟที่เป็นเอกลักษณ์, ไฟท้ายแบบหลอดไส้ Zeppelin, หลอดไส้ทรง Bullet, แถบไฟส่องสว่างแบบหลอดไส้ทรง Bullet ส่วนมาตรวัดความเร็วเป็นแบบอนาล็อกมีขนาด 5 นิ้วพร้อมตำแหน่งเกียร์แบบดิจิตอล, มาตรวัดระยะทาง, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, นาฬิกา, ระยะการเดินทางและมาตรวัดความเร็วรอบ โดยที่มีสีตัวถัง 7 สีมาให้เลือกกัน ทั้งสีดำ Vivid Black, สีเงิน Atlas Silver Metallic, สีน้ำเงิน-เทา Bright Billiard Blue/Billiard Gray w, สีดำ Vivid Black/Black Finish, สีทอง Prospect Gold w,  สีน้ำเงิน-เทา-ดำ Bright Billiard Blue/Billiard Gray w/Black Finish เเละสี Heirloom Red Fade 

โดยราคาขายของ Harley-Davidson HERITAGE CLASSIC ปี 2023 นั้นหากเป็นตัวถังรุ่นสีดำ Vivid Black มีราคาที่ 1,190,000 บาท  ส่วนตัวถังสีเงิน Atlas Silver Metallic จะมีราคาขายที่ 1,195,000 บาท
ตัวถังสีน้ำเงิน-เทา Bright Billiard Blue/Billiard Gray w จะมีราคาขาย 1,206,000 บาท
เเต่ถ้าเป็นรุ่นที่มีตัวถังสีดำ Vivid Black/Black Finish จะขายที่เรท 1,229,000 บาท
ส่วนรุ่นที่มีตัวถังสีทอง Prospect Gold w จะขายที่เรท 1,234,000 บาท
ส่วนรุ่นที่มีตัวถังสีน้ำเงิน-เทา-ดำ Bright Billiard Blue/Billiard Gray w/Black Finish จะขายที่ราคา 1,245,000 บาท
เเละหากเป็นรุ่นที่มีตัวถังสี Heirloom Red Fade  จะขายที่เรท 1,284,000 บาท